ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์ต้องการให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน จึงต้องเปลี่ยนถ่ายนํ้ามันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตรถยนต์ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ ซึ่งจะระบุชนิดความหนืด มาตรฐานคุณภาพขั้นตํ่า รวมถึงระยะในการเปลี่ยนถ่ายนํ้ามันเครื่องไว้ ปัจจุบันนํ้ามันเครื่อง ได้มีการพัฒนาคุณภาพด้านการใช้งานให้สูงขึ้นตามมาตรฐานสากล โดยผสมสารเพิ่มคุณภาพซึ่งได้จากสารสังเคราะห์หลายชนิด ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเครื่องยนต์ และมีอายุการใช้งานเพิ่มมากขึ้น นํ้ามันเครื่องจึงมีหลายชนิด หลายระดับคุณภาพ ซึ่งมีปริมาณสารเพิ่มคุณภาพที่ใช้แตกต่างกันและรักษาคุณสมบัติที่ดีของนํ้ามันเครื่องไว้ได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบทั่วไปที่สามารถใช้ในการตัดสินใจในการเปลี่ยนถ่ายนํ้ามันเครื่อง คือ ระยะทางและเวลา (ขึ้นอยู่ว่าสิ่งใดครบกำหนดก่อน) รวมทั้งสภาพการใช้งาน ดังนี้
(1) ระยะทาง เกี่ยวข้องกับชนิดของนํ้ามันเครื่องเป็นหลัก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นด้วยเช่น นํ้ามันเครื่องธรรมดา กำหนดการเปลี่ยนถ่าย 7,000–7,500 กิโลเมตร นํ้ามันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 10,000–15,000 กิโลเมตร และนํ้ามันเครื่องสังเคราะห์ 15,000–20,000 กิโลเมตร

(2) ระยะเวลา รถยนต์บางคันจอดรถทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานๆ มากกว่าใช้งานนํ้ามันเครื่องสามารถเสื่อมสภาพลงได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะเวลา แม้ระยะทางยังไม่ครบกำหนด เพื่อให้รถสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน นํ้ามันเครื่องธรรมดา กำหนดเปลี่ยนทุก 6 เดือน น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 6-9 เดือน และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ประมาณ 1 ปี

(3) สภาพการใช้งาน ส่งผลโดยตรงและเกี่ยวข้องกับระยะทาง / ระยะเวลาที่ใช้นํ้ามัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้รถในสภาพการจราจรที่ติดขัด หรือเส้นทางที่เต็มไปด้วยฝุ่น และรถที่ใช้งานหนักกว่าปกติ เช่น ขับรถระยะสั้นๆ เป็นประจำ บรรทุกของหนักมาก การขับรถลุยสายฝน หรือขับรถลุยนํ้าท่วมอยู่เป็นประจำ หรือเครื่องยนต์ ที่ต้องการความเร็วสูงสุด เช่น รถแข่ง ซึ่งต้องมั่นใจว่าคุณสมบัติของนํ้ามันเครื่อง ต้องไม่ลดลง ควรจะต้องเปลี่ยนถ่ายก่อนระยะทาง หรือเร็วกว่าเวลาที่กำหนด และหากใช้เครื่องยนต์ที่มีการดัดแปลงมาใช้ก๊าซธรรมชาติอัดหรือก๊าซหุงต้ม ระยะทาง / ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายนํ้ามันเครื่องควรจะลดลงจากที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้เช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์เหล่านี้ จะสูงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้นํ้ามันเชื้อเพลิงทั่วไป
ที่มา : กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน