นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีเป้าหมายให้เกิดการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 หรือที่เรียกว่านโยบาย 30@30 โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเข้าไปมีส่วนในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม EV ผ่านการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV3 และ EV3.5 มีการใช้แบตเตอรี่หรือชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตในประเทศ เช่น มอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ระบบควบคุมการขับขี่ (DCU) อินเวอร์เตอร์ เกียร์ทดรอบ หรือคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศ เป็นต้น ในเวลาที่กรมสรรพสามิตกำหนด รวมทั้งการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ตั้งในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี (Free Zone) ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จะต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด เช่น การตรวจสอบคุณภาพ และการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ โดยต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในอาเซียน (Regional Value Content) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของชิ้นส่วนทั้งหมดด้วย
ในส่วนของบีโอไอ ได้กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ต้องมีการผลิตหรือจัดหาแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญจากผู้ผลิตในประเทศ รวมถึงแผนพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่มีหุ้นไทยข้างมาก (Local Supplier) โดยการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุนทางเทคนิค ซึ่งจะช่วยยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ EV เพื่อเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับอุตสาหกรรม EV ต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบีโอไอได้ให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ และการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 103 โครงการ เงินลงทุนรวม 77,192 ล้านบาท
นอกจากนี้ บีโอไอยังให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยได้ทำงานร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคมยานยนต์ และบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่น ๆ จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ (Sourcing Day) กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ กิจกรรมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วน เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศเข้าไปมีบทบาทในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในช่วงปีที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดกิจกรรม Sourcing Day ร่วมกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหลายราย เช่น BYD, NETA และ BMW เป็นต้น เพื่อจัดหาชิ้นส่วนและบริการสนับสนุนการผลิตจากในประเทศ โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเข้าร่วมเจรจาธุรกิจมากกว่า 250 บริษัท และในปี 2567 นี้
บีโอไอยังมีแผนจัดกิจกรรมดังกล่าวร่วมกับผู้ผลิต EV รายอื่น ๆ เช่น MG, Changan, GAC-Aion และ Great Wall Motor เป็นต้น รวมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Delta, Inventec, SVI และ Chicony เป็นต้น
นอกจากกิจกรรมมุ่งเป้ารายบริษัท บีโอไอได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงานใหญ่เพื่อแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industries) ในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี ภายใต้ชื่อ SUBCON Thailand โดยเป็นเวทีในการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจระดับนานาชาติ โดยในปี 2566 งาน SUBCON Thailand ที่กรุงเทพฯ มีผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมร่วมออกงานกว่า 160 บริษัท เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 8,500 คู่ มีมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 20,000 ล้านบาท ในขณะที่งาน SUBCON ในภาคตะวันออก ที่จัดขึ้นเป็นปีที่สองในพื้นที่จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 บริษัท เกิดการจับคู่เจรจาทางธุรกิจกว่า 800 คู่ และมีมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 7,000 ล้านบาท
สำหรับงาน SUBCON Thailand ในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยจะมุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงซัพพลายเชนในสองอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศและสร้างงานให้แก่คนไทยจำนวนมาก
งานดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายชิ้นส่วนอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการในประเทศ รวมถึงจะมีการจัดสัมมนาพิเศษเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV จากประเทศจีนได้นำเสนอแผนการพัฒนาซัพพลายเชน และนโยบายการจัดซื้อชิ้นส่วนของบริษัทในประเทศไทยอีกด้วย “ในช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยสามารถดึงดูดผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจำนวนมากให้เข้ามาสร้างฐานการผลิต EV ในประเทศไทย บีโอไอให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างค่ายรถ EV ต่างชาติกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ผ่านทั้งการกำหนดเงื่อนไขบังคับ มาตรการจูงใจ และกิจกรรมเชื่อมโยงต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาซัพพลายเชน และสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยที่มีศักยภาพได้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนระดับโลก ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรม EV และเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลกได้” นายนฤตม์ กล่าว
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)