นิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า ค่ายรถทั่วโลกเตรียมเพิ่มกำลังผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในไทยมากยิ่งขึ้น หลังรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนด้านผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฮบริดในประเทศกำลังขยายตัว
นายอันเดรอัส เลทเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เดมเลอร์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีวางแผนเปิดโรงงานแบตเตอรี่ขนาด 4.8 หมื่นตารางเมตรในไทยช่วงต้นปี 2562 ภายใต้การบริหารโดยหน่วยธุรกิจของเมอร์เซเดส ซึ่งโรงงานดังกล่าวจะเน้นประกอบแบตเตอรี่รถอีวีให้เมอร์เซเดสโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ เมอร์เซเดสกำลังวางแผนขยายโรงงานผลิตแบตเตอรี่ออกไปอีก 6 แห่งทั่วโลก ที่ประกอบด้วยในสหรัฐ จีน และไทย โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เมอร์เซเดสประกาศลงทุน 100 ล้านยูโร หรือกว่า 3,900 ล้านบาท จนถึงปี 2563 เพื่อขยายโรงงานประกอบรถยนต์และสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย
นิกเกอิรายงานว่า แผนขยายโรงงานผลิตของเมอร์เซเดสเกิดขึ้นขณะที่ความนิยมรถยนต์ไฮบริดในไทยกำลังเพิ่มขึ้น โดยเมื่อปี 2560 รถไฮบริดคิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายรถในไทยของบริษัทขณะเดียวกันรายงานระบุว่า บีเอ็ม ดับเบิลยูบริษัทรถยนต์เยอรมนีรายใหญ่อีกรายกำลังจะลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ที่ จ.ระยอง ซึ่งจะเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของบริษัท หลังตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในเยอรมนี สหรัฐ และจีน โดยปัจจุบันบีเอ็มดับเบิลยูประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 4 รุ่นในไทย และจำหน่ายรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้ 1,300 คัน เมื่อปี 2560
ด้านโตโยต้า มอเตอร์ วางแผนผลิตแบตเตอรี่ในไทยเร็วที่สุดภายในปี 2563 ขณะที่กำลังจะก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งนับเป็นโรงงานแห่งแรกนอกญี่ปุ่น
นิกเกอิ ระบุว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าส่วนของปลั๊กอินไฮบริดและโรงงานประกอบแบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ค่ายรถหันมาลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถอีวีในไทยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากรัฐบาล
ที่มา: www.posttoday.com วันที่ 11 เมษายน 2561